- <ยินดีต้อนรับสู่บริษัทข้อมูลสมรส> การแต่งงานจริง ๆ เป็นไปได้หรือไม่? [9]
- เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้พบกับผู้ชายจากการนัดบอดและรู้ว่าทั้งคู่เกิดวันเดียวกัน หลังจากนั้นเธอก็ได้รับคำสารภาพรักอย่างกะทันหันและเริ่มคิดถึงเรื่องการแต่งงาน
ดูดวงคู่
ฉันต้องใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์อยู่คนเดียว เพราะแฟนหนุ่มไปร่วมงานเลี้ยงญาติ
ถึงแม้ว่าเราเพิ่งคบกันได้ไม่นาน ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ แต่ก็เป็นตารางงานที่นัดไว้ก่อนที่จะคบกัน เลยทำอะไรไม่ได้
อากาศเริ่มเย็นลงทีละน้อย ฉันเลยใช้เวลาค้นหาสถานที่เดทในครั้งต่อไปไปเรื่อยๆ
ระหว่างนั้น แฟนหนุ่มที่อยู่ต่างจังหวัดก็ส่งข้อความมาหา
น้องชายของญาติเขาเรียนรู้ศาสตร์การดูดวงด้วยตัวเอง และบอกว่าจะดูดวงคู่ให้ ขอให้ฉันบอกวันเดือนปีเกิดและเวลาเกิดให้หน่อย
ฉันเคยได้ยินแม่ของแฟนหนุ่มพูดถึงเรื่องการดูดวงอยู่บ้าง
ประมาณว่างานไม่ค่อยราบรื่น เลยเปลี่ยนตัวอักษรจีนในชื่อของแฟนหนุ่ม หรือเรื่องราวทำนองนั้น
ฉันเลยคิดแค่ว่า ‘อ๋อ คงเชื่อเรื่องดูดวงมากสินะ’
“ถ้าได้ยินอะไรไม่ดี ก็จะบอกหมดเลยใช่ไหม ถ้าไม่งั้นก็ไม่ต้องบอกก็ได้นะ”
“แน่นอนสิครับ จะบอกทุกอย่างเลย”
แล้วไม่นานนัก ก็มีโทรศัพท์เข้ามาตอนดึก
ดูเหมือนว่าเขาจะดื่มเหล้าไปบ้างแล้ว เพราะลิ้นพันกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ฟังดูเหมือนคนเมาหนัก
“ขอโทษนะครับ เสียงดังไปหน่อยใช่ไหม”
“ก็บอกว่าไปเจอญาติๆ นานๆ ทีแล้วนี่คะ สนุกไหมล่ะ”
“ครับ ก็เจอกันนานๆ ที เลยสนุกดีครับ บอกผู้ใหญ่ว่าจะเจอกันอีกทีในงานแต่งงานแล้ว”
“เหรอคะ”
“ทุกคนก็แสดงความยินดีกันใหญ่เลย”
“งั้นก็ดูดวงคู่แล้วเป็นไงบ้างล่ะ”
“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยครับ เป็นดวงที่ดีมาก ตอนอายุ 20 กว่าๆ คงลำบากน่าดู แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะราบรื่นไปหมดแล้วล่ะ”
“ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลย นี่ก็ดีแล้วล่ะ”
“มีใครในครอบครัวหรือพี่เขยทำงานอยู่ต่างประเทศไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย”
“เหรอครับ”
“ดูดวงของฉันเองเหรอคะ ดูคู่กันไม่ใช่เหรอ”
“อ๋อ อันนั้นเดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยบอกนะครับ อิอิ”
ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้เวลาอย่างมีความสุขกับครอบครัวและโชว์รูปถ่ายให้ดูด้วย
เพิ่งคบกันได้แค่หนึ่งสัปดาห์เอง ก็รู้สึกว่าเขาใจร้อนไปหน่อย แต่ก็คิดว่าคงดีใจมากเลย ถึงได้เป็นแบบนี้ เลยไม่แสดงออกไป
แต่ยิ่งคุยโทรศัพท์นานขึ้น เขาก็เริ่มเมาและเริ่มระบายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายในออกมา
ฉันพูดว่ารักทุกวัน ทำไมเธอไม่พูดบ้าง ขอโทษที่เมา แต่รักเธอ
ฉันปลอบโยนเขาเหมือนเครื่องจักรที่เสียแล้ว แล้วก็วางสาย คืนนั้นฉันนอนไม่หลับเลย
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในนัดเดทครั้งต่อไป
“ทำไมไม่เล่าให้ฟังล่ะคะ”
“เล่าอะไรเหรอครับ”
“ก็บอกว่าน้องชายจะดูดวงคู่ให้ แล้วก็บอกว่าจะเล่าให้ฟังหลังจากเจอกันนี่นา”
“อ๋อ อันนั้นเหรอครับ ไม่มีอะไรเลย”
“ทำไมล่ะคะ มีอะไรไม่ดีเหรอ”
“เปล่าครับ ก็ดีหมดทุกอย่าง”
เขาโกหกไม่เก่ง และฉันก็ไวต่อเรื่องแบบนี้มาก
“แฟนเธอมีอะไรผิดปกติแน่เลย”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากไปงานเลี้ยงญาติ แล้วก็เมื่อวานเขาก็ไปเที่ยวกับเพื่อนตามที่วางแผนไว้แล้วด้วย”
“อ๋อ สัปดาห์นี้เขาก็มีตารางงานอยู่สินะ”
“ตั้งแต่ตอนที่เขาไปวันศุกร์ ฉันก็รู้สึกแปลกๆ แล้วนะ ทั้งเปลี่ยนโปรไฟล์แชทและพยายามหลบๆ หนีๆ ด้วย”
“กะทันหันเลยเหรอ”
“อื้อ ไม่รู้สิ ฉันไม่แน่ใจว่าเขาโดนใครว่าหรือเปล่า ว่าฉันยุ่งเกินไป เหมือนเขาจะถอนหายใจบ่นว่าจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเลยล่ะ”
“โห เป็นคนยังไงกันเนี่ย”
เขาที่เคยส่งข้อความมาหาฉันทุกวัน ทุกชั่วโมง หายไปราวกับโกหก
ถึงฉันจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกแค่ว่าอธิบายไม่ถูก รู้สึกว่างเปล่าและไม่อยากทำอะไรเลย
บอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่เกี่ยวกับฉันด้วย
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า คงจะบอกฉันเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
อย่างที่เขาว่าไว้ว่า เวลาผู้ชายเข้าไปอยู่ในถ้ำ ก็ไม่ควรไปเร่งรัด ให้รอจนกว่าเขาจะออกมาเอง
ผ่านไปกี่วันแล้วนะ
คืนวันเสาร์ เวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
ฉันกำลังดูทีวีและคุยกับแม่เกี่ยวกับแฟนหนุ่มที่หายตัวไปอยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
“ฮัลโหล”
“อ่า ขอโทษนะครับ ผมชื่อ XXX เป็นเพื่อนของเขาครับ”
ฉันเคยได้ยินเขาเล่าว่ามีเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
“ค่ะ ฉันเคยได้ยินชื่อเขาค่ะ สวัสดีค่ะ”
“วันนี้มันชวนผมออกมาเจอกัน แล้วตอนนี้มันเมาหนักมากเลยครับ”
“เมาเหรอคะ”
“ผมรู้จักมันมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลยครับ
มันหมดสติไปเลยครับ ผมเลยพามันกลับบ้านไม่ได้”
“หมดสติไปเลยเหรอคะ”
“ครับ แล้วสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ช่วยมารับมันหน่อยได้ไหมครับ”
ฉันไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอนของเขาเลย ถ้าจะนั่งแท็กซี่ไปหนึ่งชั่วโมงก็คงช่วยอะไรไม่ได้
“ช่วยดูในโทรศัพท์มันหน่อยได้ไหมคะ ว่ามีเบอร์พี่สาวหรือพี่เขยไหม แล้วโทรหาหน่อยได้ไหมคะ ฉันไปรับไม่ได้ แล้วแฟนฉันก็อยู่กับพ่อแม่ด้วย แล้วก็ไม่ควรโทรหาพ่อแม่เขาด้วย
พี่สาวเขาอยู่ใกล้ๆ เลยอยากให้โทรหาเขาขอร้องหน่อยค่ะ
แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเป็นห่วงเลยอยากให้ช่วยบอกสถานการณ์หน่อยได้ไหมคะ ว่าเป็นยังไงบ้าง”
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อใดๆ ฉันเลยต้องนอนไม่หลับทั้งคืน
ไม่ว่าฉันจะคิดยังไง สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันสงสัยก็คือ
การดูดวงคู่ของฉันและแฟนหนุ่มที่น้องชายของญาติเขาบอกว่าดูให้
ฉันนึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาในหัว
1. ดูดวงแล้วบอกว่าเราสองคนไม่เข้ากันเลย
2. ดูดวงแล้วบอกว่าถ้าคบกันฝ่ายชายจะมีปัญหา
3. ดูดวงแล้วบอกว่าถ้าคบกันฝ่ายหญิงจะมีปัญหา
ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกฉันได้ ก็อาจจะเป็นข้อ 1 หรือ 2 แต่เขาได้ยินอะไรถึงได้กลายเป็นแบบนี้
ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้หรือเปล่า แต่บังเอิญว่าเพื่อนรู้จักร้านดูดวงที่ว่าแม่นมาก ฉันเลยรีบจองคิวไปปรึกษาในวันรุ่งขึ้น
ฉันบอกวันเดือนปีเกิดของฉันและแฟนหนุ่มให้เขา แล้วก็ขอให้เขาช่วยดูเรื่องความรักของเรา
“แฟนหนุ่มของคุณยังไม่หย่าเหรอคะ”
“หย่าเหรอคะ ถ้าไม่ใช่การโกหกฉันโดยตั้งใจเท่าที่ฉันรู้จักเขาก็ยังไม่เคยแต่งงานนะคะ”
“ดวงนี้ยากมากที่จะแต่งงานนะคะ คนแบบนี้ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะหาคู่ให้ก็ตาม ถ้าเขาไม่ชอบก็จะไม่แต่งงานแน่นอน พ่อแม่คงปวดหัวน่าดู”
“เขาเคยบอกว่าต้องชอบก่อนถึงจะคบกับใคร”
“เอาเป็นว่า ดวงนี้แต่งงานยากมาก ครอบครัวเขาคงต้องยอมรับสถานการณ์นี้”
“แล้วดวงคู่ของเราเป็นยังไงบ้างคะ มีอะไรไม่ดีไหม”
“จริงๆ แล้วฉันว่าคุณน่าเสียดายนะคะ ก็ไม่ถึงกับแย่หรอก แต่... คุณน่าเสียดายสำหรับผู้ชายคนนี้มาก”
“นอกจากเรื่องน่าเสียดายแล้ว มีอะไรที่ไม่ดีไหมคะ”
“ตอนนี้ถ้าเอาเรื่องราวของสองคนไปถามใครก็ตาม ฝ่ายชายต้องเป็นฝ่ายรั้งคุณไว้ค่ะ”
ฉันยิ่งไม่เข้าใจพฤติกรรมของแฟนหนุ่มมากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าหากน้องชายที่เรียนรู้เองบอกคนละอย่างกับนี้ล่ะ
“ก็จริงที่ว่าบางครอบครัวเชื่อเรื่องดูดวงมาก ก็เข้าใจได้นะ
แต่น้องชายที่เพิ่งเรียนรู้ดูดวงเองบอกว่าไม่ดี แล้วสมมติว่าไม่ดีจริงๆ
ถ้าเป็นฉัน ฉันจะขอร้องแม่ให้ช่วยหาหมอดูที่แม่นๆ แล้วก็ไปถามดูอีกที
ถ้าบอกว่าไม่ดี ก็จะไปหาที่อื่นดูอีก แล้วอย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบดูบ้าง ไม่ใช่เหรอ”
ฉันบ่นให้เพื่อนฟังแล้วก็ขอโทษที่ทำให้ต้องมารับฟังเรื่องของฉัน
ถึงสถานการณ์นี้จะดูไร้สาระไปหมด แต่ฉันผิดหวังกับวิธีการแก้ปัญหาของเขามากที่สุด
แค่เจอปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ จิตใจก็พังทลาย เมาเหล้าแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ถ้าเป็นคนแบบนี้
“ก็ต้องทิ้งไปสิ คนแบบนี้”
ดันเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดของปีในที่ทำงานพอดี
คิดว่าแค่เหยียบอึแล้วก็จบไป แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกงี่เง่าและโกรธ
ถึงขั้นบอกเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนร่วมงานฟัง และขอให้เขาเข้าใจถ้าฉันทำตัวแปลกๆ
ด้วยความที่รู้สึกอึดอัด ฉันเลยขอให้คนกลางช่วยสืบเรื่องนี้หน่อย
“ทางนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ แค่สงสัยว่าทำไมช่วงนี้ถึงไม่เจอกับคุณ”
“เหรอคะ”
“ฟังดูแล้วมันแปลกๆ นะ เลิกติดต่อมันไปซะ”
ฉันที่รู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะขึ้นลงอยู่ทุกวัน ทุกชั่วโมง สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาเขา
เพิ่งคบกันได้ไม่นาน แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่ไหวแล้ว ฉันขอถามว่ายังอยากคบกันต่ออยู่หรือเปล่า
ครึ่งวันต่อมา ฉันได้รับคำตอบสั้นๆ ว่า ‘ขอโทษนะ เลิกกันเถอะ’
อ่า... ฉันดวงตกหรือเปล่านะ
ยินดีต้อนรับสู่บริษัทข้อมูลการแต่งงาน
ความคิดเห็น0