- <ยินดีต้อนรับสู่บริษัทข้อมูลการแต่งงาน> การแต่งงานที่แท้จริงเป็นไปได้หรือไม่? [10]
- เรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเลิกรากับแฟนหนุ่มเพราะเรื่องความเข้ากันทางโหราศาสตร์ โดยที่แฟนหนุ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน รวมถึงการโกหกและปัญหาเกี่ยวกับการแต่งงาน ทำให้เธอตัดสินใจเลิกรากับเขาในที่สุด
แม่รู้สึกเสียใจที่เห็นลูกสาวคบกันแล้วดูเหมือนจะแต่งงานกันได้
พี่สาวและพี่เขยที่เคยดีใจกับความรักของน้องสาวและดื่มน้ำเมาไปก่อนหน้า ก็รู้สึกเขินอายและพยายามปลอบโยน
บอกว่าไม่อยากให้น้องสาวคบกับคนที่ดูมีปัญหาทางจิตใจแบบนั้น
ถึงขั้นที่พ่อซึ่งไม่เคยยุ่งเรื่องความรักของฉันมาก่อน ก็ดูเหมือนจะคอยสังเกตสีหน้าฉันอยู่
“ทุกคนเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นมากขนาดนั้นหรอกนะ
แน่นอนว่าฉันรู้สึกดีกับเขา ฉันก็ถูกเขาตามใจเหมือนเจ้าหญิง
อืมม์ ถึงขนาดนี้คงคบกันได้สักพักแล้ว แต่เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้ซะแล้ว”
ฉันไม่ได้รู้สึกเศร้า แต่รู้สึกงงๆ และหงุดหงิด
ไม่สิ ฉันโกรธมากเลย
หลังจากผ่านไปนานกว่า 6 เดือน คนที่เป็นคนจัดให้ฉันไปเดทก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟัง
ตามคาดเลย เขาบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะดูดวงแล้วไม่ดี
บอกว่าตอนนั้นกลัวฉันจะเสียใจมากเกินไป เลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด
พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็ขำจนหยุดไม่อยู่
ถือซะว่าเทพเจ้าช่วย ฉันลองคบกับเขานานกว่านี้อีกหน่อย ความรู้สึกฉันลึกซึ้งขึ้นไปอีก แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ฉันจะทำยังไง
ถึงแม้จะได้รับการแนะนำจากคนรู้จักที่ไว้ใจได้ แต่ทำไมถึงเจอคนแบบนี้
“งั้นคุณก็เลยมาที่นี่สินะคะ”
“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าการหาคนรู้จักจากที่ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ผู้หญิงผมยาวตรงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉันที่โต๊ะเล็กๆ ฟังเรื่องราวของฉัน และถอนหายใจเบาๆ
“คุณลำบากมาเยอะนะคะ”
ยินดีต้อนรับสู่บริษัทข้อมูลการสมรส
ทำไมถึงมาช้าจัง
บริษัทจัดหาคู่ (เรียกสั้นๆ ว่า บริษัทจับคู่) เป็นโลกที่หลายคนยังสงสัย
แม้จะมีความต้องการสูง แต่ก็หาอ่านรีวิวที่ชัดเจนได้ยาก ตลาดนี้ก็เริ่มลำบากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการแต่งงานแล้วเลือกใช้ชีวิตอย่างอิสระแทน
ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีคนจำนวนมากที่อยากจะลองใช้บริการที่นี่เพื่อหาคู่ แต่ก็ตัดสินใจได้ยาก
รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าที่ต้องจ่ายเงินเพื่อไปพบปะกับคนอื่น
หรือรู้สึกว่ามันขัดกับความเป็นธรรมชาติของการที่คนสองคนได้พบกัน
พูดตรงๆ เลยก็คือ ภูมิใจในตัวเองน้อยลงนั่นเอง
ฤดูหนาวที่คิดว่าตัวเองจะได้หยุดเป็นโสดสักที เมื่ออายุเลย 30 กลางๆ ไปแล้ว
หลังจากเลิกราแบบงงๆ สิ่งที่รู้สึกเสียดายที่สุดก็คือ เซลล์ความรักเพิ่งจะเริ่มทำงานแล้วกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง
แทนที่จะไปขอร้องเพื่อนๆ ให้ช่วยหาคนดีๆ ให้ เผื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด
ฉันคิดว่าการจ่ายเงินเพื่อไปพบปะกับคนที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ก็ไม่เลวเหมือนกัน
แต่จะไปที่ไหนดีล่ะ
ที่ประเทศเกาหลีมีบริษัทจัดหาคู่เยอะมาก
ตั้งแต่บริษัทใหญ่ๆ ที่เห็นโฆษณาได้ทุกที่ ไปจนถึงบริษัทเล็กๆ
ฉันเริ่มค้นหา ‘รีวิวบริษัทจับคู่’ เพื่อดูว่าควรไปที่ไหนดี
ผู้หญิงอายุเยอะคือจุดแข็ง ผู้ชายคืออาชีพและฐานะทางการเงิน รีบไปก่อนจะสายเกินไปค่ะ
ถ้าใจไม่แข็งพอ ไม่แนะนำให้ไปนะคะ
ถ้ารู้จักตัวเองดีแล้วก็โอเคค่ะ
เอาเงินไปบริจาคดีกว่า ไปเข้าชมรมดีกว่า
รีวิวดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่เป็นแค่โฆษณา ทำให้หาอ่านรีวิวที่เป็นกลางได้ยาก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ได้ข้อสรุปคือ ต้องมีสมาชิกเยอะๆ ถึงจะได้เจอคนทั่วไป
ฉันตัดบริษัทใหญ่ๆ ที่คนวัย 20-30 ต้นๆ นิยมออกไปก่อน เพราะกลัวว่าจะไปเจ็บใจเปล่าๆ
ฉันเลือกบริษัทใหญ่ๆ ที่คนวัย 30-40 เป็นสมาชิกเยอะๆ ที่ดูน่าสนใจ และนัดหมายไปพบ
พอเข้าไปในออฟฟิศ พนักงานที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มก็เช็คชื่อฉัน แล้วพาไปที่ห้องปรึกษาเล็กๆ
“รอก่อนนะคะ”
ฉันจับแก้วน้ำอุ่นที่วางอยู่ตรงหน้าไปมา แล้วมองไปรอบๆ ห้องปรึกษา สะอาด สงบ และธรรมดา
ฉันกำลังคิดว่าจะทำยังไงถึงจะไม่โดนหลอก แล้วจ่ายค่าสมาชิกในราคาที่เหมาะสมอยู่
ก็มีผู้จัดการฝ่ายปรึกษาเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม เป็นผู้หญิงที่ดูสวยและใจดี
“มาที่นี่ได้ยังไงคะ”
เธออยากรู้มากที่สุดว่าฉันมีแรงจูงใจในการสมัครสมาชิก และเลือกที่นี่เพราะอะไร
ฉันเล่าเรื่องราวความรักอันโหดร้ายของฉันให้เธอฟังแบบย่อๆ โดยไม่ต้องเล่ารายละเอียดมากมาย
ผู้จัดการฝ่ายปรึกษาฟังเรื่องราวของฉันราวกับเป็นเรื่องของน้องสาวตัวเอง และแทรกประโยคเข้ามาแสดงความเห็นด้วยตลอดเวลา
ดูเหมือนบทบาทของพวกเขาจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้ปรึกษาปัญหา
ประโยคที่ประทับใจที่สุดคือ “โชคไม่ดีเลยนะคะ”
ที่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้มีความรักที่แท้จริง และต้องเจอกับพวกบ้าๆ มาตลอด ก็เพราะโชคไม่ดีเท่านั้นเอง
ไม่ใช่เพราะฉันใช้ชีวิตผิดพลาด หรือฉันไม่ดีพอ แต่แค่โชคไม่ดีจริงๆ คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนใจ
ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อคิดว่าจะสมัครสมาชิกหรือไม่
ฉันตัดสินใจแล้ว และตอนนี้กำลังดูว่าจะเลือกใช้บริการแบบไหนดี พอผู้จัดการฝ่ายปรึกษาเข้าใจ ก็ดูจริงจังขึ้น
“ทำไมถึงมาช้าจัง น่าจะมาเร็วกว่านี้นะคะ”
ฉันยิ้มให้กับคำพูดนั้น แต่จริงๆ แล้วฉันเคยสมัครสมาชิกบริษัทจัดหาคู่ตอนอายุ 27 หรือ 28
เคยได้ยินข่าวลือว่ารายชื่อของนักศึกษาหญิงจากมหาวิทยาลัยหญิงถูกขายให้กับบริษัทจัดหาคู่ แต่ฉันก็ตกใจมากที่ได้รับการติดต่อจริง
ข้อเสนอนั้นค่อนข้างน่าสนใจและเย้ายวนใจ ฉันจึงปรึกษาแม่และสมัครสมาชิก แต่สุดท้ายก็โดนโกง
บริษัทนั้นไม่เคยจัดหาคู่ให้ครบตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ และหายไปในที่สุด ฉันก็โทรหาไม่ได้แล้ว
พอคิดย้อนกลับไป คนที่ฉันได้พบก็ไม่ใช่สมาชิกจริง อาจจะเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ก็ได้
ฉันได้ประสบการณ์ที่ขมขื่น และตั้งใจไว้ว่าจะไม่โดนหลอกแบบนั้นอีกแล้ว
ดังนั้น คำพูดที่ว่าถ้ามาเร็วกว่านี้คงได้เจอคนดีๆ แล้ว คงไม่ถูกต้อง
ใบสมัครสมาชิกไม่ได้ถามอะไรที่ซับซ้อนมากนัก ก็แค่ข้อมูลส่วนตัวพื้นฐาน และข้อมูลทางการเงิน
ฉันต้องกรอกข้อมูลว่าตอนนี้มีทรัพย์สินประมาณเท่าไหร่ และพ่อแม่เตรียมตัวสำหรับการเกษียณอายุหรือยัง
หลังจากนั้นก็เริ่มปรึกษาเรื่องลักษณะของผู้ชายที่ต้องการ
ฉันบอกว่านับถือศาสนาคริสต์ อยู่ใกล้ๆ กัน และอายุห่างกันไม่เกิน 6 ปี
ฉันบอกว่าอยากได้ผู้ชายที่ทำงานประจำมากกว่าทำธุรกิจส่วนตัวหรือเป็นฟรีแลนซ์
ผู้จัดการฝ่ายปรึกษาตบมือด้วยความดีใจ
บอกว่าผู้หญิงวัย 30 ปลายๆ ถึง 40 ที่เป็นโสดส่วนใหญ่มีมาตรฐานสูง จึงยากที่จะจับคู่ได้
แต่คนอย่างฉันที่มีมาตรฐานทั่วไปแบบนี้ จับคู่ได้ง่ายมาก
พูดตรงๆ ก็คือ ฉันรู้จักตัวเองดีนั่นเอง
ฉันชอบที่บริษัทนี้มีนโยบายที่ว่านอกจากผู้จัดการแล้ว ไม่มีใครสามารถดูรูปของสมาชิกได้
เพราะเคยเจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะแล้ว ที่เห็นรูปก่อนแล้วก็เลยมีอคติกับอีกฝ่าย
ฉันอยากเจอคนที่ไม่รู้จักหน้าค่าตา แล้วค่อยมาดูหน้ากันตอนเจอตัว
หลังจากคิดอยู่นาน ฉันก็เลือกแบบ ‘นัดพบตามจำนวนครั้งที่กำหนด’
ฉันเซ็นสัญญา และได้รับใบแจ้งยอดบัตรเครดิตที่จะเป็นแรงผลักดันให้ฉันต้องไปทำงาน
ฉันส่งเอกสารหลักฐานการทำงาน ใบรับรองการสำเร็จการศึกษา เพื่อให้ทีมตรวจสอบว่าไม่มีปัญหาอะไร
แล้วก็เริ่มจับคู่
ฉันทอยลูกเต๋าแล้ว ฉันจะได้เจอใครบ้างนะ จะมีใครสักคนที่ใช่สำหรับฉันไหม
รู้สึกตื่นเต้นและกังวลใจปนกันไป
ความคิดเห็น0