นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
<ยินดีต้อนรับสู่บริษัทจัดหาคู่> การแต่งงานที่แท้จริงเป็นไปได้หรือไม่? [6]
- ภาษาที่เขียน: ภาษาเกาหลี
- •
- ประเทศอ้างอิง: ประเทศเกาหลีใต้
- •
- ชีวิต
เลือกภาษา
สรุปโดย AI ของ durumis
- ฉันพยายามที่จะแต่งงานผ่านการพบปะกับ 'คนดี' แต่สุดท้ายหัวใจของฉันก็ไม่ไปหาเขา และฉันก็เครียดมากจนร่างกายเจ็บป่วย
- เขาเป็นคนที่ตรงตามเงื่อนไขการแต่งงาน แต่ฉันไม่รู้สึกถึงความรักที่แท้จริง และฉันก็รู้สึกทุกข์ทรมานจากการพยายามชอบเขา
- ฉันตระหนักว่าฉันควรจะฟังหัวใจที่แท้จริงของฉันมากกว่าที่จะพยายามแต่งงาน และฉันตัดสินใจที่จะเลิกกับเขาเพื่อความสุขของฉันเอง ไม่ใช่เพื่อการแต่งงาน
คนแบบนั้นก็โอเคนี่นา
จริงๆ แล้วฉันก็โดนปฏิเสธเยอะเหมือนกัน
แปลกใจเหมือนกันที่โดนปฏิเสธเพราะสูงเกินไป
“พี่ใส่ส้นสูงออกไปหรือเปล่า?”
“เปล่า ฉันใส่แบบนี้ไป”
“พอเถอะ คนเตี้ยแบบนั้นทิ้งไปเหอะ”
น้องสาวฉันปลอบใจฉันหลังจากโดนปฏิเสธแล้วกลับมาด้วยรองเท้าผ้าใบ 3 เซนติเมตร
ฉันก็เคยโดนปฏิเสธเพราะแต่งตัวไม่เก่ง และก็โดนปฏิเสธเพราะบอกว่าเป็นคนดีเกินไป
ทุกครั้งที่โดนปฏิเสธฉันก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็เก็บไว้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองทั้งภายนอกและภายใน
เพื่อนของเพื่อน พี่สาวของเพื่อนสนิท เพื่อนของญาติพี่สาวของสามีเพื่อน
ฉันพยายามใช้ทุกช่องทางที่เป็นไปได้เพื่อหาคนมาเดท แต่ก็เข้าสู่วัยสามสิบสองแล้ว
ช่วงเวลาทองของชีวิตที่ผู้ชายเข้ามาติดพันแค่เดินผ่านก็โดน ตอนนี้ผ่านไปแล้ว ฉันตกใจที่ไม่มีคนมาจีบเลย
ฉันไม่เคยบอกครอบครัวเลยเพราะมันเป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ
แต่พอคิดดูดีๆ แล้วมันก็รู้สึกไม่ยุติธรรม
“แม่ เพื่อนของฉันพ่อแม่เขาก็บอกให้ไปลองเดทกับคนนั้น คนนี้ แต่ทำไมพ่อแม่ถึงไม่สนใจฉันเลย”
“ก็คิดว่าลูกจะจัดการเองได้นี่นา ปล่อยให้ลูกตัดสินใจเองแบบนี้มันดีแล้วนะ ต้องขอบคุณที่ทำแบบนี้”
ใช่ ฉันต้องขอบคุณที่ทำแบบนี้ แต่ฉันก็รู้สึกน้อยใจที่ไม่มีใครช่วยหา
“คนดูแลประกันของพ่อเขาน่ะ มีลูกชายคนนึง ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนดี เป็นคนเรียบง่ายด้วย บ้านเขาก็ธรรมดาๆ น่ะ”
“อายุเท่ากันด้วย ลองไปเจอกันดูไหม?”
ฉันรู้สึกตื่นเต้นเพราะนานมากแล้วที่ไม่มีใครมาจีบ
ยิ่งไปกว่านั้น พอได้เจอกันก็รู้สึกคุยกันรู้เรื่อง แถมยังดูดีอีกต่างหาก
เขาเป็นคนธรรมดาๆ อย่างที่ฉันอยากได้ทุกอย่าง ทั้งหน้าตา นิสัย และงานอดิเรก
ฉันบ่นเรื่องผู้หญิงวัยสามสิบกว่าขึ้นไปหาคนเดทลำบาก
เขาก็บอกว่าผู้ชายวัยสามสิบกว่าขึ้นไปก็หาคนเดทลำบากเหมือนกัน เขาดูจะ積極มาก
ในช่วงเวลาที่แสงแดดที่ร้อนแรงค่อยๆ อ่อนโยนลงเรามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแฟนกัน
แต่ฉัน..
ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลย
เพราะอายุมากแล้วหรือเปล่านะ เพราะถึงอายุนี้แล้วจะไปเดทกันยังไงมันก็ไม่น่าตื่นเต้น
หรือว่าฉันไม่ได้เดทมานานจนเซลล์ความรักเหี่ยวเฉาไปแล้วก็ไม่รู้
แต่ถึงอย่างนั้น
เวลาอยู่กับคนที่ชอบมันก็ต้องมีความสุขและสนุกสิ
ฉันจ้องมองเขาที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับคำพูดของฉันในระหว่างเดท
‘เธอมีความสุขจังเลยนะ’ ฉันคิด
ในตอนนั้นฉันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป
“คนแบบนั้นก็โอเคนี่นา” เพื่อนๆ และครอบครัวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ทุกคนบอกว่าเป็นคนดี ก็ลองคบดูสิ หยุดหาข้อเสียแล้วลองมองหาข้อดีบ้าง
“ถ้ายังไม่รีบ เดี๋ยวก็จะสามสิบห้าแล้วนะ!”
แม่ตะโกนว่าถ้ายังเลือกมากแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่มีใครเอา
ฉันบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าคนแบบนี้ดีแล้ว คบกันเถอะ
ฉันรู้สึกไม่สบายและอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกคิดว่าแค่ท้องเสีย
ฉันเบื่ออาหารและรู้สึกแน่นท้อง น้ำหนักลดไป 3 กิโลกรัมภายใน 3 อาทิตย์
ร่างกายอ่อนแรง จนมือสั่น
ฉันไปพบแพทย์และทานยาแต่ก็ไม่ดีขึ้น ฉันเริ่มกลัว
ร่างกายของฉันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ คนหนุ่มสาวสมัยนี้เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารกันเยอะนะ
ฉันลาพักร้อนแล้วไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เพื่อตรวจด้วยกล้องส่องท้อง
“สะอาดมากค่ะ ปกติจะมีการอักเสบบ้าง แต่ดูสิ ไม่มีเลย”
“แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“เอ่อ.. บอกได้แค่ว่าน่าจะเป็นเพราะความเครียดทางจิตใจค่ะ”
ฉันจำได้ว่าเป็นการตรวจด้วยกล้องส่องท้องแบบใช้ยาสลบ แต่ในขณะที่ฉันหลับอยู่ฉันได้ยินเสียงหมอและแม่คุยกัน
ความเครียดทางจิตใจ
ฉันตกใจมากกว่าการเป็นโรคร้ายแรง
ฉันตกใจมากที่รู้ว่าแค่ความเครียดก็สามารถทำร้ายร่างกายได้มากขนาดนี้
“น้องสาวอยากมีความรัก อยากแต่งงานหรือเปล่า”
พี่เขยโทรมาเพราะอยากรู้ว่าฉันเป็นอะไร เลยถามฉันอย่างอ่อนโยน
“พี่ว่าน้องสาวอยากมีความรักมากกว่านะ”
“แต่น้องสาวดันพยายามหาคนมาแต่งงาน เลยทำให้เครียดใช่มั้ย”
“…….”
“การคบกันก็เหมือนกัน เวลาไม่ได้เจอกัน อยากเห็นหน้า อยากเจอเขา แล้วรู้สึกตื่นเต้นเวลาเตรียมตัวออกไปเดทใช่ไหม”
“เปล่า”
“ถ้าไม่มีความรู้สึกแบบนี้ แปลว่าไม่ถูกต้องแล้ว ฉันไม่ได้หมายความว่าต้องอยากเจอหน้าทุกวันนะ แต่เวลาได้เจอกันต้องรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขสิ”
“ฉันไม่ได้เป็นคนใจง่าย แต่ทำไมฉันไม่เข้ากับใครเลย”
“ก็อย่าไปปรับตัวตามเขาน่ะ ปรับตามใจตัวเองสิ”
“แต่คนเรามีวิธีชอบคนไม่เหมือนกันนี่นา”
“ก็จริง แต่ต้องมีความรู้สึกชอบเขาถึงจะพยายามได้ ฉันรู้สึกว่าน้องสาวไม่ได้พยายามชอบเขา แต่น้องสาวพยายามชอบตัวเองที่ชอบเขา”
“พี่ไม่อยากให้น้องสาวพยายามอะไรทั้งนั้น”
ฉันรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า
ตลอดมาฉันพยายามชอบเขาเพราะคิดว่าคนแบบนี้ก็โอเคนี่นา
แต่ฉันไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้เขาเลย จนทำให้ฉันรู้สึกเครียดและร่างกายทรุดโทรม
ฉันต้องตัดสินใจก่อนที่มันจะสายเกินไป
เย็นวันเสาร์ ฉันนั่งอยู่ที่มุมร้านกาแฟแถวหน้าประตูทางเข้าของเกาหลี
ฉันสบตาเขาแล้วบอกความจริงอย่างตรงไปตรงมา เขากุมมือฉันแน่น
“ผมจะพยายามทำให้ดีขึ้นได้ไหมครับ แม้ว่าจะต้องใช้เวลา ผมก็ไม่เป็นไร”
มือเขาสั่นเล็กน้อย เขาพยายามปกปิดความรู้สึกโดยการลูบหลังมือฉัน
“ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็คงไม่ดีขึ้น”
“จริงๆ หรอ.. ไม่ได้แล้วเหรอ?”
“ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรไม่ดีนะ อย่าไปคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง”
“แค่.. ฉันรู้สึกแค่นี้จริงๆ”
“น่าจะบอกตั้งแต่แรก”
“ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันขอบคุณที่บอกความจริง”
“วันนี้ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณที่ผ่านมา”
ฉันกลับบ้านโดยรถไฟใต้ดินพร้อมกับฟังเพลง
เพลงที่คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นเพลงเศร้าที่สุด
เพลง <널 사랑하지 않아> ของวง Urban Zakapa
ยินดีต้อนรับสู่บริษัทจัดหาคู่