- <ยินดีต้อนรับสู่บริษัทข้อมูลสมรส> การแต่งงานจริงเป็นไปได้หรือไม่? [5]
- ประสบการณ์เลิกรากันเพราะกลิ่นปากที่รุนแรงของผู้ชายที่แนะนำตัวจากบริษัทข้อมูลสมรส กลิ่นกายไม่เข้ากันทำให้เลิกคบกัน เรื่องราวที่ตระหนักได้ว่ากลิ่นกายสำคัญต่อการเข้ากันได้
ถ้าเป็นคนแบบนั้นก็โอเคนะ
จริงๆ แล้วตรงข้ามกันเลย ฉันโดนปฏิเสธเยอะมาก
อย่างไม่น่าเชื่อ สูงเกินไปเลยโดนปฏิเสธบ่อยๆ ว่ารู้สึกกดดัน
“พี่ใส่ส้นสูงออกไปรึเปล่า?”
“เปล่า ใส่แบบนี้ออกไป”
“พอแล้ว ฮอบบิทตัวเตี้ยๆ แบบนั้นทิ้งไปซะ”
น้องที่รู้จักเห็นฉันใส่รองเท้าผ้าใบ 3 ซม. ออกไปแล้วโดนปฏิเสธกลับมา ก็เลยปลอบใจ
เคยโดนปฏิเสธเพราะแต่งตัวไม่ดี เคยโดนปฏิเสธเพราะนิสัยดีแต่ไม่รู้สึกดึงดูด
ทุกครั้งที่โดนแบบนั้น ฉันรู้สึกเสียหน้า แต่ก็ใช้เป็นบทเรียนปรับปรุงตัวเองทั้งภายนอกและภายใน
เพื่อนของเพื่อน พี่สาวที่รู้จักผ่านเพื่อนรุ่นเดียวกัน ญาติพี่สาว สามีของพี่สะใภ้รุ่นน้อง เพื่อนเจ้าบ่าวรุ่นเดียวกัน
ใช้ทั้งสายสัมพันธ์ที่มีและยังต้องพยายามหาเพิ่มอีกเพื่อไปเดท แต่ตอนนี้ฉันอายุ 32 แล้ว
ช่วงเวลาทองของชีวิตที่ผ่านมาแค่เดินผ่านผู้ชายก็ติดแล้ว ตอนนี้หายไปไหนหมดไม่รู้ น่าตกใจมากที่ไม่มีใครแนะนำให้รู้จักเลย
ตลอดมาฉันไม่เคยบ่นให้ครอบครัวฟัง นั่นเป็นเพราะฉันยังมีศักดิ์ศรีอยู่
แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกไม่ยุติธรรมนะ?
“แม่ เพื่อนๆ ของหนู พ่อแม่ของเขาอยากให้ลองคบกับคนโน้นคนนี้กันใหญ่เลยนะ
แต่ทำไมพ่อแม่ของหนูถึงเฉยเมยกับหนูขนาดนี้ล่ะคะ?”
ปล่อยให้หนูจัดการเองก็ดีแล้วล่ะ นั่นเป็นเรื่องที่ควรจะขอบคุณมากๆ ด้วยนะ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ลองหาคนรู้จักแนะนำให้หนูบ้างก็ได้นี่นา รู้สึกน้อยใจจัง
“พ่อ มีคนดูแลเรื่องประกันของพ่ออยู่คนหนึ่ง ลูกชายของเขาเป็นคนดีมาก ใจดี ฐานะครอบครัวก็ธรรมดาโอเคเลยนะ
อายุเท่ากับหนูเลย ลองเจอกันดูไหมล่ะ?”
หายไปนานมากแล้วที่ได้มีคนแนะนำให้รู้จัก ฉันเลยมีพลังสู้เต็มที่และรู้สึกตื่นเต้น
ยิ่งกว่านั้น พอได้เจอกันก็คุยกันรู้เรื่องด้วยนะ รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ งานอดิเรก ก็ธรรมดาๆ ทั้งหมด
เป็นคนที่ธรรมดาๆ ในทุกๆ ด้านอย่างที่ฉันร้องขอมาตลอด
ผู้หญิงพออายุ 30 แล้วหาคนคบยากนะ อะไรแบบนี้
ผู้ชายพออายุ 30 แล้วก็หาคนคบยากเหมือนกัน เขาบอกแบบนั้นแล้วก็จีบฉันอย่างจริงจัง
ในช่วงที่แสงแดดที่ร้อนแรงเริ่มเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เราทั้งคู่ก็เลิกเป็นคนคุยกันแล้วคบกันอย่างจริงจัง
แต่ฉัน...
ไม่รู้สึกหวั่นไหวเลย
หรือเพราะฉันอายุมากขึ้นแล้วก็ไม่รู้ เดทตอนนี้มันมีอะไรที่น่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ
ลองคิดว่าเซลล์แห่งความรักของฉันเสื่อมโทรมไปเพราะไม่ได้มีความรักมานานก็แล้วกัน
แต่...
แต่ถ้าอยู่กับคนที่ชอบก็ควรจะรู้สึกสนุกและมีความสุขอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ระหว่างที่กำลังเดท ฉันมองเขาที่ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะคำพูดของฉัน แล้วก็คิด
‘แกโชคดีจัง ที่มีความสุขขนาดนั้นเลย’
ตอนนั้นแหละ ฉันรู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติไปแล้ว
“ถ้าเป็นคนแบบนั้นก็โอเคนะ” เพื่อนๆ และครอบครัวพูดเป็นเสียงเดียวกัน
เป็นคนดีทุกอย่างเลย ลองคบดูก็ได้นะ หยุดหาข้อเสียแล้วลองมองหาข้อดีดูบ้าง
“เดี๋ยวก็อายุ 35 แล้วนะ!”
แม่ตะโกนว่าถ้าเรื่องมากแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่มีใครคบ
ถ้าเป็นคนดีแบบนี้ก็ควรจะคบสิ พูดซ้ำๆ เหมือนคาถา
รู้สึกไม่สบายตัวและอาการไม่ดีมาตลอด ตอนแรกก็คิดว่าแค่ท้องเสีย
เบื่ออาหาร กินแล้วก็ย่อยไม่ค่อยได้ น้ำหนักเลยลดไปกว่า 3 กก. ในเวลา 3 สัปดาห์
ร่างกายอ่อนแอ มือสั่นไปหมด
ไปหาหมอ กินยาแล้วก็ไม่ดีขึ้น เริ่มกลัวขึ้นมาเลย
ร่างกายต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ สมัยนี้คนหนุ่มสาวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารกันเยอะนะ
ลาพักร้อนแล้วก็ไปจองคิวตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่เพื่อทำการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร
“สะอาดดีครับ ปกติแล้วกระเพาะอาหารจะมีอาการอักเสบอยู่บ้าง แต่ของคนไข้ดูแล้วไม่มีอะไรเลยนะครับ?”
“แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะครับ?”
“ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ..ตอนนี้ผมบอกได้แค่ว่าเป็นเพราะความเครียดทางจิตใจเท่านั้นแหละครับ”
แม้ว่าจะเป็นการส่องกล้องแบบให้ยาสลบ แต่ฉันก็ได้ยินบทสนทนาของหมอกับแม่ระหว่างที่ฉันหลับอยู่
ความเครียดทางจิตใจ
ช็อกกว่าเป็นโรคร้ายแรงอีก
ตกใจมากที่ร่างกายแย่ลงขนาดนี้แค่เพราะความเครียดโดยที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรเลย
“น้องสะใภ้อยากมีแฟนหรืออยากแต่งงานกันแน่?”
พี่เขยโทรมาเพราะอยากรู้ว่าฉันมีอะไรกังวลใจอยู่หรือเปล่า
“ผมว่าน้องสะใภ้อยากมีแฟนมากกว่านะ?
แต่พยายามหาคนที่แต่งงานด้วยได้เลยมันเลยเหนื่อยใช่ไหมล่ะ?”
“…….”
“คบกันก็เหมือนกัน ถ้าเขาไม่อยู่ก็คิดถึงเขา เวลาเตรียมตัวไปเจอกันก็รู้สึกตื่นเต้นอะไรแบบนี้ไหมล่ะ?”
“ไม่”
“งั้นก็ผิดลำดับแล้วล่ะ ต้องรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขเวลาเจอกัน ถึงแม้จะไม่ได้อยากเจอทุกวันก็ตาม”
“ฉันไม่ใช่คนใจง่าย แล้วก็ไม่ค่อยเข้ากันได้กับอีกฝ่ายบ่อยๆ ฉันจะทำยังไงดี”
“งั้นอย่าไปตามใจเขาเลย ตามใจตัวเองสิ”
“แต่คนเรามันก็มีวิธีชอบคนไม่เหมือนกันนี่นา”
“พยายามเพื่อคนที่ชอบได้นะ แต่ดูเหมือนว่าน้องสะใภ้พยายามที่จะชอบเขาอยู่มากกว่า
ผมไม่อยากให้ต้องพยายามขนาดนั้นเลยนะ”
รู้สึกเหมือนโดนตีหัวเลย
ตลอดมาฉันพยายามชอบเขาเพราะคิดว่าคนแบบนั้นก็โอเคแล้ว
แต่พอรู้สึกชอบเขาไม่ได้ ก็เลยเกิดความเครียดที่ว่า ‘ตัวเองไม่สามารถชอบคนดีๆ แบบนั้นได้’ จนร่างกายมีปัญหา
ต้องตัดสินใจก่อนที่มันจะสายเกินไป
บ่ายวันเสาร์ที่ร้านกาแฟแถวหน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเกาหลี มุมสุดท้ายของร้าน
สบตากันแล้วก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างใจเย็น เขาจับมือฉันไว้แน่น
“ถ้าผมพยายามมากกว่านี้ได้ไหมครับ? ถึงจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่เป็นไร”
เขาพยายามซ่อนมือที่สั่นๆ ด้วยการลูบหลังมือของฉันอยู่เรื่อยๆ
“ขอโทษนะคะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ฉันก็คงไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ”
“จริงๆ..เหรอคะ?”
“ไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีอะไรที่ทำผิดไปนะคะ ดังนั้นอย่าไปโทษตัวเองว่าตัวเองทำผิดอะไรเลย
แค่..ความรู้สึกของฉันมันไปไม่ถึงตรงนั้นเท่านั้นเองค่ะ”
“ไม่น่าสารภาพรักเลย”
“ขอโทษนะคะ”
“ก็ช่างเถอะ ขอบคุณที่บอกตรงๆ นะครับ”
“วันนี้ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาค่ะ”
ฉันจัดการเรื่องการจากลาที่ดูเหมือนในหนังเสร็จแล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน ฟังเพลงไปด้วย
เพลงที่คนอื่นบอกว่าเป็นเพลงที่เศร้าที่สุดในโลก
เพลง <널 사랑하지 않아> (I Don’t Love You) ของวง 'Urban Zakapa' นั่นเอง
ยินดีต้อนรับสู่บริษัทข้อมูลการแต่งงาน
ความคิดเห็น0